Skip to content
Post Views: 563

ประเพณีสงกรานต์ วาทกรรมชนชั้นที่กำลังเสื่อมมนต์?
สงกรานต์ปีนี้จะมีความแปลกๆอยู่อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ มีผู้คนออกมาเล่นน้ำสงกรานต์น้อยกว่าที่ควร และในพื้นที่ คนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลแทบจะไม่เล่นกันเลย จึงทำให้ผู้คนที่มาจากต่างพื้นที่เทศบาลจึง จะต้องมาเล่นสาดน้ำในช่วงเย็น แต่ไม่ใช่เพราะว่าเล่นกันนานหรืออากาศร้อนอบอ้าว แต่เพระว่าช่วงกลางวันไม่มีใครออกบ้านกันเพราะเขาไม่เล่นน้ำหรือออกมาก็จะเป็นรถยนต์สี่ล้อปิดประตูหน้าต่างมิดชิดแน่นหนา ดังนั้นการสาดน้ำในช่วงเย็นถึงกลางคืน ก็มีโอกาสมากที่จะไปเล่นสาดน้ำกับผู้คนที่เขาจะไปทำงานหรือไปทำธุระส่วนตัว แสดงถึงการพัฒนาของการเล่นน้ำสงกรานต์ที่ได้แปรเปลี่ยนไปตามวันเวลา
สิ่งที่เปลี่ยนไปของประเพณีสงกรานต์ ก็เนื่องมาจากประชากรมีมาก แต่ทรัพยากรมีน้อยลง คนหนุ่มสาวมีน้อยลง ผู้สูงอายุมีเยอะขึ้น น้ำมีราคาที่แพงขึ้น รถวิ่งเร็วขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น การกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเรื่อของการจัดประเพณีวัฒนธรรรม ของตนเอง ไม่ต้องมารวมศูนย์ที่จังหวัดที่เดียวเป็นต้น จึงทำให้ผู้คนที่จะคิดว่าจะมาเล่นน้ำสงกรานต์แบบรวมศูนย์น้อยลงไปเรื่อยๆ

อีกประเด็นเป็นเรื่องของสิทธิของแต่ละบุคคล ที่จะเล่นหรือไม่เล่นสงกรานต์ก็ได้ การนำน้ำไปรดคนที่เขาไม่อยากเล่น เขาไม่สนุก เขากำลังจะไปทำงาน จึงเป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งจะละเมิดไม่ได้ วันก่อนมีเด็กจะมารดน้ำผู้เขียน อายุไม่ถึง 10 ปี จะเข้ามาเล่นสาดน้ำ ก็เวลาเกือบ 20.00 น.แล้ว โดยไม่คิดถึงความอาวุโสกว่าและผู้ใหญ่ก็สนับสนุนให้เด็กเข้ามารดน้ำผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่ากันเยอะโดยอ้างประเพณีนี้ที่ผู้ใหญ่กับเด็กก็มีความเท่ากันไม่มีอะไรมาแบ่งกั้นได้
เรื่องที่กล่าวนี้มองได้อีกเหมือนกันว่านี่คือวาทกรรมชนชั้นที่ซ่อนเร้นแอบแฝง ที่ถูกสร้างขึ้นให้รู้สึกว่า มนุษย์ทุกคนต้องสยบยอมต่อชนชั้นที่เหนือกว่า และต้องยอมเสียสิทธิ และความชอบส่วนบุคคลของตัวเองโดยให้ชนชั้นที่เหนือกว่าละเมิดได้และคิดว่าถูกต้องและสยบยอม แต่มุมตรงนี้คนเล่นน้ำสาดน้ำจะต้องคิดให้มากๆ เพราะว่ากฎหมายเหมือนจะยังคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอยู่ เรื่องประเพณีแต่ละบุคคลจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ เหมือนเช่นความเชื่อ ที่จะนับถือความเชื่อใดก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่เป็นบรรทัดฐานของมนุษย์ทั่วทั้งโลก
ดังนั้นการเล่นสงกรานต์ กับบุคคลที่เขาไม่เล่นด้วยเพราะว่าเขาอาจจะมีหน้าที่การงานธุระ หรือมีปัญหาเรื่องสุขภาพ หรือเป็นเรื่องของความสะอาด สิ่งเหล่านี้ความคิดต่างจะบังคับกันไม่ได้ เพราะว่าคนเรามีความจำเป็นที่ต่างกัน มีแนวทางในการดำรงชีวิตต่างกัน คนที่เล่นน้ำสงกรานต์ก็อาจจะสนุกสนาน แต่คนที่เขาไม่เล่น เขาไปทำงานงานหรือธุระนั้นเพราะความจำเป็น ก็เป็นเรื่องของเขา จะไปบังคับขืนใจให้เขาเล่นด้วยให้เขาสนุกด้วยก็จะกระทำไม่ได้ จึงควรต้องเคารพในเรื่องสิทธิและเสรีภาพของบุคคล กันด้วย
ผู้เขียนจึงหวังว่าบริบทการเล่นน้ำสงกรานต์ในแต่ละปีต่อไปก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และกฎหมายก็จะออกมาคุ้มครองในเรื่องสิทธิของบุคคลให้มากขึ้น ไม่ใช่ว่าใครจะกระทำอะไรต่อบุคคลอื่นก็ได้เพียงข้ออ้างว่า เป็นงานประเพณีสงกรานต์ จึงเป็นเรื่องที่จะต้องมาคิดถึงเรื่องของสาระ และวาทกรรมการแสดงออกทางด้านชนชั้นหนึ่งกับอีกชนชั้นหนึ่งในสังคม ซึ่งมองแล้วเป็นวาทกรรมที่ถูกปลูกฝังซุกอยู่ใต้จิตสำนึกของคนนั้นๆบางคนจนมีการแสดงออกมาข้ามเหตุผลและคุณค่าของความเป็นมนุษย์ของคนอื่นหรือไม่อย่างไร สิ่งเหล่านี้น่าคิดและถึงเวลาที่พวกเราจะเปลี่ยนแปลงวาทบริบทชนชั้นกันได้หรือยัง?