ข่าวทั่วไป

โรงเรียนบ้านไผ่โทน นำนักเรียนทำการเกษตรสร้างรายได้ เตรียมผุดโฮมสเตย์ กางเต้น ชวนนักท่องเที่ยวดำนา

นักเรียนโรงเรียนบ้านไผ่โทน ฯจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานวิชาการ กับการเกษตร ให้สอดคล้องกับวีถีชุมชนและเป็นการสร้างรายได้ให้กับนักเรียน ขณะที่สถานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงของเส้นทางของการแพร่ระบาดยาเสพติด และเนื่องจากจำนวนนักเรียนที่ลดลงอาจจะต้องปิดตัวเองตามนโยบายที่วัดที่จำนวนของนักเรียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 23 มีนาคม 2565  นายบุญมา  ศรีระวัตร ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไผ่โทน(นวลราษฎร์วิทยา) เปิดเผยว่า  โรงเรียนบ้านไผ่โทน ฯ ตั้งอยู่ที่ บ้านไผ่โทน หมู่ที่ 2 ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง จ.แพร่  มีนักเรียน 83 คน  ครู 9 คน  ได้เปิดทำการเรียนการสอนเมื่อ พ.ศ 2482  เดิมนั้นโรงเรียนอยู่ที่วัดสอนกันที่วัด จนกระทั่ง นายนวล มูลเมือง กำนันตำบลไผ่โทน ได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ในชื่อ โรงเรียนบ้านไผ่โทน (นวลราษฎร์วิทยา)เป็นโรงเรียนขยายโอกาสเพื่อการศึกษา สอนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ประชากรส่วนใหญ่ในพื้น ต.ไผ่โทน มีอาชีพในการเกษตรและรับจ้างบ้างแต่ไม่มาก โดยเฉพาะการปลูกข้าวโพด นักเรียนโรงเรียนบ้านไผ่โทน ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่กับ ผู้ปกครองคือปู่ย่าตายาย ส่วนพ่อแม่ไปทำงานต่างถิ่น กรุงเทพฯบ้าง ชลบุรีบ้าง ประมาณ 80% ที่ผู้ปกครองไม่ได้เลี้ยงดูแต่ให้ปู่ย่าตายายเลี้ยงดูแทน เด็กๆเจอผู้ปกครองมากสุดปีละ 2 ครั้งคือสิ้นปีกับสงกรานต์ บางคนกลับในช่วงสิ้นปีไม่ได้ ก็กลับช่วงสงกรานต์เท่านั้น

ในส่วนนักเรียนที่มีปัญหาในด้านความประพฤติ คุณครูประจำชั้นหรือคุณครูที่ปรึกษาแต่ละชั้นจะเข้ามาแก้ไขเพราะว่าได้มีโอกาสได้รู้ได้เห็นพฤติกรรมของเด็กๆมาโดยตลอด  ทางโรงเรียนมีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน คือจะมีครูจะเข้าไปเยี่ยมดูสภาพของครอบครัวของเด็กนักเรียน  ถ้าวันหนึ่งเด็กนักเรียนคนใดเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็จะมาพูดคุยกันกับเด็กแล้วก็บอกว่าเย็นนี้ครูจะไปเยี่ยมบ้าน กินข้าวที่บ้านไม่ต้องเตรียมอะไรครูเตรียมไปเอง เมื่อไปเยี่ยมที่บ้าน เห็นสภาพความเป็นอยู่ ก็จะเข้าไปคุยกับผู้ปกครองของเด็กเป็นการส่วนตัว  และแจ้งให้ผู้ปกครองทราบว่าเด็กคนนี้เริ่มมีพฤติกรรมอย่างนี้ และขอผู้ปกครองว่าจะช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง

ทั้งนี้นักเรียนของโรงเรียนบ้านไผ่โทน  เป็นนักเรียนที่มีฐานะยากจนและทางบ้านมีอาชีพเกษตรกร  ทางโรงเรียนจึงมีการสอนผสมผสานทั้งวิชาการกับการประกอบอาชีพร่วมกัน   ประกอบกับทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแพร่เขต 1 มีนโยบายที่จะให้เด็กเรียนได้เรียนรู้ทางด้านวิชาการควบคู่กับอาชีพ  จึงทำให้เด็กนักเรียนขยายโอกาสที่จบออกไปจะต้องมีทักษะด้านอาชีพติดตัวออกไปด้วย หรือเพื่อจะสามารถไปต่อเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไป

นักเรียนระดับประถมและมัธยม  จึงได้รับการสอนวิธีการปลูกผัก เช่น พวกผักกาดผักคะน้า  คะน้าดอก ดอกคะน้าใบ กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ปลูกข้าวโพด  ปลูกข้าว ทำนา การเลี้ยงไก่ไข่ การเลี้ยงปลานักเรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับวิถีของชุมชนของตนเองได้  ผลผลิตที่ได้จะนำมาเป็นวัตถุดิบของโครงการอาหารกลางวัน  ที่เหลือจะนำไปจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้ระหว่างเรียนโดยมีคุณครูที่ปรึกษา ที่สอนวิชาเกี่ยวกับการเกษตรเป็นผู้ที่จะนำเด็กนำผลผลิตไปขาย

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านไผ่โทน วันเสาร์อาทิตย์ ต้องไปรับจ้างขายแรงงาน  แม้ว่าเด็กโรงเรียนบางแห่งอาจจะได้หยุดพักแต่เด็กนักเรียนที่นี่ส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ชายส่วนมากจะไม่ได้หยุด  คือไปรับจ้างแบกข้าวโพดที่หักใส่กระสอบไว้แล้ว ขึ้นรถบรรทุก หรือไปรับจ้างหักข้าวโพดสำหรับนักเรียนผู้หญิงก รวมถึงไปเป็นลูกจ้าง ลูกมือช่างก่อสร้าง สร้างบ้านหรือสิ่งก่อสร้างอื่นในพื้นที่ก็จะมีผู้มาหาแรงงานของนักเรียนที่จะไม่หยุดพักในวันเสาร์ อาทิตย์ เพื่อแลกกับค่าจ้างวันละ 250-300 บาท

ในเรื่องของการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ  หรือนวัตวิถีนั้น ทางคณะครูและคณะกรรมการบริหารโรงเรียนบ้านไผ่โทน  มีการได้คุยกันไว้ จะดำเนินการในลักษณะของโฮมสเตย์  มีลานกางเต็นท์นอน ให้ผู้สนใจที่อยากจะมาเที่ยวกับธรรมชาติ มาปลูกข้าวโพด มาดำนาหรือมาทอดแหหาปลาโดยมีนักเรียนเป็นไกด์  หรือที่เรียกว่า มัคคุเทศก์น้อย  สิ่งเหล่านี้ทางครูได้ถ่ายทอดให้กับนักเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาเพื่อจะเป็นความรู้ความสามารถที่ติดตัวนักเรียนไปหลังจากที่เรียนจบการศึกษาไปแล้ว   สถานศึกษาแห่งนี้ได้สร้างความอดทน  ความรับผิดชอบ และอื่นๆอีกมากมายที่นักเรียนจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป ในส่วนของการตลาด โรงเรียนมีแนวคิดในการทำเพจทำเว็บไซต์ที่เด็กๆสามารถนำเสนอด้วยตัวเองได้เพื่อลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  โรงเรียนบ้านไผ่โทน  ตั้งติดกับ  ต.สันทะ อ.นาน้อย จ.น่าน และ ต.ยาบหัวนา ต.เวียงสา จ.น่าน และ ต.ห้วยโรง อ.ร้องกวาง จ.แพร่  พื้นที่ของ ต.ห้วยโรง ติดต่อล้วนเป็นพื้นที่เสี่ยงในเรื่องของยาเสพติด   และเนื่องจากจำนวนประชากรลดลง เด็กที่เกิดใหม่มีจำนวนวนที่น้อยลง  ทำให้  ปัจจุบันโรงเรียนบ้านไผ่โทน มีนักเรียนที่เข้าเรียน ม.1 ปีการศึกษา 2565 มีเพียง 12 คน  และหากปีการศึกษาต่อไปต่ำกว่า 10 คน  ก็จะต้องปิดการเรียนการสอนในระดับชั้นดังกล่าว ส่งผลทำให้ไม่นักเรียนจากชั้น ม.1 ขึ้นไปสู่ชั้น ม.2 และอาจนำไปสู่การปิดการเรียนการสอนในระดับชั้นดังกล่าว

หากมองเกณฑ์ที่จำนวนของนักเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้มองถึงสถาบันการศึกษาที่เป็นปราการสำคัญในการแก้ไขปัญหาในเรื่องของยาเสพติดและการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล โดยเฉพาะ โรงเรียนบ้านไผ่โทน ที่เปิดทำการเรียนการสอนท่ามกลางพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงของการแพร่ระบาดยาเสพติด และในอนาคตอาจจะต้องมีการปิดตัวเองตามนโยบายที่ให้ความสำคัญในเรื่องของจำนวนนักเรียนแต่เพียงด้านเดียว