ทำไมดนตรีแนวพื้นบ้านในเมืองเก่าแพร่ถึงไม่ประสบความสำเร็จ?
ทำไมดนตรีแนวพื้นบ้านในเมืองเก่าแพร่ถึงไม่ประสบความสำเร็จ?
จากการเล่นดนตรีมาตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับการถ่ายทอดความรู้ทางด้านดนตรีมาจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากความอยากที่จะเรียนรู้ และความชอบส่วนตัวแล้ว ยังเป็นเรื่องของโอกาสที่ได้รับมาจากรุ่นพี่ๆ เพราะว่า ตอนที่เรียนอยู่มัธยมก็ได้เล่นในร้านอาหารแล้ว การมาใช้ชีวิตในร้านอาหารตรงนี้จึงได้รับอิทธิพลมาจากนักดนตรีรุ่นพี่หลายๆท่านอีกเช่นกัน แต่ยอมรับว่ามีแรงกดดันไม่น้อยเพราะอายุผู้เขียนขณะนั้นยังไม่มาก ขอบคุณรุ่นพี่ๆที่ยังคิดถึงและให้ความเคารพอยู่ตลอดเวลา และถือเป็นความโชคดีของชีวิตผู้เขียนที่สำคัญเรื่องหนึ่งในบริบทหนังสือชีวิตในหน้าของโลกดนตรี ส่วนบทความนี้ขอตัดเรื่องการยกย่องชมเชยหรือให้กำลังใจใดๆไปก่อน เพราะข้อเขีบยนมันจะเยิ่นเย่อมากเกินไป เพียงแต่ให้รู้ว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่บุคคลอื่นจะมีความเห็นต่างจากความเห็นนี้ก็ได้
จากการเล่นดนตรีในเวลายาวๆ ผู้เขียนได้สัมผัสมีประสบการณ์ถึงเรื่องของดนตรีในแนวคันทรี่หรือโฟล์ค ในบ้านเรา และสงสัยว่าทำไมถึงไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ทำไมมันจึงไม่ได้รับการตอบรับเหมือนกับจังหวัดล้านนาในภาคเหนือที่จะได้รับการยกย่อง รวมถึงทั้งดนตรีไทยด้วยเหมือนกัน สิ่งหนึ่งที่เห็นคือความไม่มีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง คือลอกมากกว่าคิดค้น คือควรลอกมาแล้วปรับปรุง ไม่ใช่ลอกเพื่อให้เหมือนต้นฉบับ ทั้งดนตรีและรวมถึงคนเล่นด้วย
สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนได้เห็นก็คือว่า เมืองแพร่ หรือเมืองเก่าแพร่ มันมีวิถีวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างอารยธรรมโลกตะวันตกกับโลกตะวันออก เมืองแพร่ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกมามากๆ เราจะเห็นได้จากในเรื่องของการก่อสร้างอาคารที่สำคัญ หรือ จะเป็นเรื่องของการแต่งตัว ดังนั้นกลิ่นไอดนตรีพื้นบ้านเพียวๆหรือดนตรีโฟล์คที่ผสมผสานในแนวดนตรีพื้นเมืองจึงไม่สบความสำเร็จเหมือนจังหวัดล้านนาอื่นๆ เพราะว่าความสอดคล้องต้องกันของวิถีชีวิตกับดนตรีที่เล่นมันไปแบบขัดต่อสภาพสังคมของเมืองเก่าแพร่ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
อีกเรื่องในการวิจารย์การนำเสนอดนตรีจะต้องไม่ให้มีการเข้าใจกันผิดๆ เราะว่าการเล่นดนตรีแต่ละครั้งแต่ละคนจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์การเล่นดนตรีเขาจะมาฟัง และเขาจะใช้เวลาฟังไม่นานเขาจะรู้ว่าอันนี้เป็นของจริงหรือของเทียม ที่ผ่านมาบางทีเหมือนเยาวชนบางส่วนจะไปผิดทางเยอะทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาทางด้านดนตรี อีกทั้งเพราะว่า ดนตรีไม่สามารถซื้อมาประดับตกแต่งเหมือนบ้าน รถ หรือเครื่องแต่งกายได้ บางทีดนตรีก็เป็นเรื่องของพรสวรรค์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะมากๆ
ดนตรีไม่มีชนชั้นจริงๆ ไม่ว่าใครจะร่ำรวย มียศถาบรรดาศักดิ์แค่ไหน แต่เรื่องของพรสวรรค์ทางด้านดนตรีและการฝึกฝนตั้งแต่เด็กๆเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ มีเงิน มีความรู้แล้ว ในปัจจุบันจะต้องมีรสนิยมที่ลุ่มลึก เพื่อการก้าวไปสู่ในจุดที่สูงขึ้นไป บางที่ความเก่ง ความหล่อหรือสวย ถ้าจะให้ครบถ้วน ก็เรื่องดนตรีนี่แหละที่จะชี้ให้เห็นถึงรสนิยมว่า อยู่ตรงไหนของสังคม และรสนิยมก็เป็นเรื่องเดียวที่ซื้อหามาครอบครองไม่ได้