Skip to content
Post Views: 676
เครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่ เปิดเวทีหน้าศาลากลางสนับสนุนการโหวตให้ พิธา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 พร้อมวางพวงหรีด กกต.ในการปฎิบัติหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรมต่อหัวหน้าพรรคก้าวไกล ใช้เวลา 30 นาทีจึงสลายการชุมนุมเนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนัก

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 นายอาทิตย์ จันทธัมโม และ ว่าที่ร้อยตรีประเสริฐ หงวนสุวรรณ พร้อมด้วย สมาชิกเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่ ได้เดินทางมาเปิดเวทีปราศรัยเพื่อสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี และ วางพวงหรีดให้กับ กกต.จากการปฎิบัติหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรม ที่ บริเวณ หน้าศาลากลางจังหวัดแพร่ โดยมี เจ้าหน้าที่ ตำรวจและ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้มาดูแลความเรียบร้อย และ การเปิดเวทีและการแสดงสัญลักษณ์ของ เครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่ ใช้เวลา 30 นาที ก็ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้การนัดหมาย ผู้สนับสนุนที่จะเดินทางมาอีกจำนวนหนึ่งได้ยกเลิกการมาร่วมชุมนุม
นายอาทิตย์ จันทธัมโม แกนนำเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่ กล่าวว่า วันนี้มาแสดงออกของ เครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่ มาแสดงออกถึงการไม่ยอมรับการทำงานของ กกต. และมาเพื่อสนับสนุนการเป็นนายกรัฐมนตรีของ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เราจะเห็นการทำงานของ กกต.เป็นไปอย่างช้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง การฟ้องอะไรต่างๆ ครั้งนี้ กกต.ทำงานอย่างรวบรัดแล้วก็ไม่เป็นธรรมไม่มีการเรียกสอบสวนเลย
ในส่วนของการปฎิบัติงาน และ ความไม่เป็นตัวของตัวเอง ของ กกต. มีสูงเพราะว่าดูจากการเลือกตั้งครั้งก่อน รวมถึงครั้งนี้ด้วย คุณพิธา เป็น ส.ส.มา 4 ปีแล้ว แต่ว่าพึ่งจะมีการมายื่นตรวจสอบ ในตอนที่คุณพิธาจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็หมายความว่าที่ผ่านมาตลอด 4 ปี กกต. ไม่มีการตรวจสอบอะไรเลยและยังทำงานผิดพลาด
ดูจากสภาพสถานการณ์ก็คงไม่ต้องคิดอะไรเลย ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น หนังม้วนเดิมก็ฉายซ้ำอย่างเดิมตอนคุณธนาธร โดยการยื่นเรื่องสอบส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้วก็หมดคุณสมบัติซึ่งก็เป็นวิธีแบบเดิมๆที่เขาทำมาตลอดเพราะฉะนั้นคือประชาชนจะไม่ยอมรับอะไรที่ซ้ำซากแล้วกับเกมส์การเมืองแบบเดิมๆอีกต่อไป
นายอาทิตย์ จันทธัมโม กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนอื่นนอกจากคุณพิธาไม่ได้ คือในการที่นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันดับหนึ่งเป็นเรื่องปรกติของระบบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่านายกเป็นคนอื่น ก็แสดงว่าการเลือกตั้งของเราที่ผ่านมาไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่มีความยุติธรรมอะไรเลย
ยอมรับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไปจับมือกับพรรคอนุรักษ์นิยมไม่ได้ มีลุงไม่มีเรา ยังคงย้ำคำเดิม เพราะยังไงพรรคการเมืองอันดับหนึ่งต้องได้เป็นรัฐบาล และก็นายกรัฐมนตรีต้องมาจากพรรคการเมืองอันดับหนึ่ง และคำว่าเพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ เป็นข้ออ้างการเมืองแบบเก่าที่ต้องการแบบมีผลประโยชน์ การเมืองสมัยใหม่ จำเป็นต้องยึดโยงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักไม่ใช่เพื่อตำแหน่งหน้าที่ของพรรคการเมือง
ส่วนหากวันนี้ คุณพิธาไม่ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี ทางเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่ยังไม่คิดถึงแนวทางนี้เพราะว่าเรามีคความมั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะต้องเป็นคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แน่นอน





